วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2555

Final Project: เรื่อง Printing Enhancer : ยกเลิกการพิมพ์บนฟอร์มกระดาษต่อเนื่องด้วยปรินเตอร์เลเซอร์โดยไม่ต้องวางระบบ software ใหม่

ปัจจุบันมีการใช้แบบฟอร์มในการพิมพ์เอกสารมากมายเริ่มจากที่เห็นได้เด่นชัดคือ "ใบเสร็จรับเงิน" เพราะถูกใช้เป็นที่แพร่หลายและใช้กันในทุกธุรกิจ รองลงไปก็อาจเป็นอาทิเช่น ในสั่งขาย (ใช้ภายในองค์กรบริษัทและโรงงานต่างๆ) ใบแจ้งซ่อม (ใช้ในวงการรถยนต์) และอื่นๆอีกมากมาย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แบบฟอร์มพวกนี้ได้ถูกจัดการด้วยคอมพิวเตอร์และพิมพ์ออกมาด้วยปริ้นเตอร์ชนิดด๊อตแมตทริก (Dot Matrix printer) ส่วนแบบฟอร์มก็จะเป็นกระดาษต่อเนื่องที่สั่งพิมพ์จากโรงพิมพ์ให้เป็นไปตามแบบที่ต้องการมาคราวละมากๆ
ข้อเสียของการใช้ ฟอร์มชนิดกระดาษต่อเนื่อง อาทิเช่น :
1.) กระดาษติด
2.) ตัวอีกษรพิมพ์ไม่ตรงในแบบฟอร์มจากการตั้งระยะกระดาษไม่ถูกต้อง
3.) หากมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในแบบฟอร์ม จะต้องสั่งพิมพ์ใหม่หมดจากโรงพิมพ์และโละของเก่าทิ้ง
4.) ไม่สามารภใช้กับปริ้นเตอร์ใหม่ๆอย่าง Laser Printer หรือ Inject Printer ได้
ด้วยเหตุผลที่กล่าวไปในข้างต้น จึงมีผู้คิดค้นและพัฒนา SOFTWARE ชื่อว่า Reform โดยบริษัท Software ที่ชื่อว่า FabSoft inc. เป็นซอฟแวร์ที่ทำหน้าที่เป็น Printing Enhancer กล่าวคือ Reform จะเข้าไปขั้นกลางระหว่าง ระบบคอมพิวเตอร์ และ ปริ้นเตอร์ เมื่อข้อมูลในรูปแบบ text ถูกส่งไปยังปริ้นเตอร์เพื่อที่จะพิมพ์ลงบนฟอร์มกระดาษต่อเนื่อง Reform จะทำการ Capture ข้อมูล แล้วทำการเลือกแบบฟอร์มตามที่ผู้ใช้ได้ทำการสร้างตามแบบที่ต้องการ Preload ไว้ที่ Reform แล้วส่งต่อไปยัง ปริ้นเตอร์ Laser หรือ inkjet เพื่อพิมพ์ข้อมูลและแบบฟอร์มใหม่ออกมาด้วยกัน
อีกทั้ง Reform ยังฉลาดพอที่จะรู้ได้ว่า ข้อมูลได้จะต้องไปดึงแบบฟอร์มใดออกมาพิมพ์ร่วมกัน หรือ พิมพ์ออกมากี่สำเนาอย่างไม่มีข้อจำกัด (หากเป็นระบบเก่า ผู้ใช้ต้องคอยเปลี่ยนฟอร์มกระดาษต่อเนื่องที่ปริ้นเตอร์ Dot Matrix) อีกทั้งยังสามารถกำหนดได้ว่า สำเนาใดไม่ต้องแสดงข้อมูลอะไรในการพิมพ์ (เช่น สำเนาสำหรับฝ่ายขนส่งไม่ต้องแสดงราคา ในกรณีเป็นการพิมพ์ Invoice) และสำเนาใดส่งต่อแบบออนไลนหรือระบบแลนให้ไปพิมพ์ออกที่แผนกใดบ้างได้อย่างไม่มีข้อจำกัด อีกทั้งยังสามารถกำหนดให้พิมพ์สำเนาเป็นรูปแบบ file PDF เพื่อเก็บเข้าเป็นหลักฐานแทนการใช้เก็บหลักฐานที่เป็น Hard Copy
Reform จึงช่วยให้สามารถ :
1.) ไม่ต้องปรับเปลี่ยน Software ขององค์กรที่ใช้อยู่ ทุกอย่างยังคงเดิมทั้งการใช้งานและฐานข้อมูลไม่ว่าจะเป้นระบบ Windows, Unix, AIX, HP3000, SCO, iSeries, AS/400, VAX 2.) ไม่ต้องเสียเงินค่า Software ใหม่ มีเพียงค่า Software Reform ที่ถูกกว่าการซื้อ Software ใหม่มากหลาย 10 เท่า 3.) สามารถปรับเปลียนรูปแบบฟอร์มที่จะใช้พิมพ์ได้ตามต้องการ และบ่อยเท่าที่ต้องการ หรือให้สวยงามเท่าที่ต้องการ 4.) ไม่ต้องสั่งพิมพ์แบบฟอร์มจากโรงพิมพ์ 5.) สำเนาต่างๆ สามารถกำหนดให้ส่งไปพิมพ์ออกที่ปริ้นเตอร์ปลายทางแผนกต่างๆ ไม่ต้องพิมพ์ออกจากจุดเดียวแล้วกระจายสำเนาด้วยพนักงาน 6.) ไม่ต้องถ่ายเอกสารเพื่อที่จะเก็บเข้าแฟ้ม ลดพื้นที่การเก็บหลักฐานที่เป็นกระดาษด้วย PDF file. 7.) ประหยัดค่าใช้จ่ายเนื่องจากการพิมพ์ด้วย Laser Printer ถูกกว่ากระดาษต่อเนื่อง และอื่นๆอีกมากมายที่ Reform สามารถทำได้ใน version ล่าสุดที่ได้รับการพัฒนามา หากอยากทราบว่า Reform สามารถช่วยงานองค์กรได้มาแค่ใหน ลองเข้าไปดูเวปไซด์ของบริษัท FabSoft inc. http://fabsoft.com/Solutions/Printing.html

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

Final Project : แนะนำเลนส์เทเลสำหรับผู้ใช้กล้องนิคคอนคุณภาพคุ้มราคา

หลายท่านที่ชื่นชอบและจิงจังกับการถ่ายภาพเชื่อว่าส่วนมากจะต้องหาเลนส์ประเภท telephoto zoom มาไว้ในครอบครอง เพ่ื่อเพิ่มขอบเขตการถ่ายภาพให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดย เฉพาะการถ่ายภาพระยะไกล หรือการ ถ่ายภาพที่มุ่งเน้นไปยังส่วนใดส่วนหนึ่งของวัตถุ รวมไปถึงการถ่ายภาพ บุคคลลักษณะ candid หรือในกรณีที่ไม่สามารถเข้าใกล้วัตถุที่ต้อง การถ่ายได้เป็นต้น เลนส์เทเลซูม โดยมากที่มีอยู่ในท้องตลาด มักจะมีช่วงซูม อยู่ที่ 70-300 มม รูรับแสงประมาณ f4-5.6 ในกรณีที่เป็นเลนส์เกรด กลางลงล่างราคาไม่ แรงนักประมาณหลักพันถึงหมื่นปลายๆ และ ช่วงซูม 70-200 มม รูรับแสงกว้างคงที่ที่ f2.8 เป็นแน่นอน ว่าเลนส์เกรดโปร ราคาค่อนข้างแพงถึงแพงมาก แน่นอนว่าเลนส์ประเภทที่ 2 ที่กล่าวไป มักจะเป็นใน ฝันของนักถ่ายภาพทั้งหลายที่ต้องการไว้ในครอบครองเนื่องด้วย คุณภาพการผลิต ความแข็งแรงคงทน ความสว่างสดใสของชิ้นเลนส์ และคุณภาพของภาพที่ได้มักจะดีถึงดีเลิศแต่ก้อต้องแลกมาด้วยราคาที่ แพงและน้ำหนักที่มากเอาการอาจทำให้นักถ่ายภาพมือสมัครเล่นเหนื่อยกับการถ่ายภาพไปเลยเมื่อต้อง ถือหรือสะพายนานๆ บทความนี้จึงขอ พูดถึงเลนส์เทเลซูมระดับกลางของ Nikon ช่วงซูม 70-300 มม.ซึ่งมีชื่อรุ่นเรียกกันว่า Nikon AF-S 70-300 mm. F 4.5-5.6 G ED VR
เลนส์ Nikon AF-S 70-300 mm. F 4.5-5.6 G ED VR ตัวนี้เป็นเลนส์ที่ออกแบบมาให้ใช้ ได้ทั้งกับกล้องที่มีเซนเซอรรับภาพชนิดฟูล เฟรม และ แน่นอนว่าต้องใช้ได้กับกล้องที่มีเซ็น เซอร์ขนาด APS-C ด้วยโดยจะเพิ่มทางยาว ของ focal lenght เป็น 105-450 มม เลยทีเดียว เมื่อนำมาใช้กับกล้องที่มีขนาดเซน เซอร์ APS-C สิ่งที่แทบจะไม่ต้องกังวลเลยคือ เรื่องของความคมชัดและขอบภาพมืด Vignette เพราะมันเปรียบได้กับการใช้เฉพาะส่วนกลางของเลนส์ในการถ่ายถอดภาพ ลักษณะทั่วไปของเลนส์ มีขนาดที่พอเหมาะ คือประมาณ 80 x 144 มมซึ่งถือว่าอยู่ในระดับกลางๆไม่สั้นจนดูขาดความน่าเชื่อถือ แต่น้ำหนักก้อเพียงแค่ 480 กรัม ที่จะช่วย ให้สามารถสนุกกับการถ่ายภาพได้นานๆโดยไม่รู้สึกหนัก ตัวเลนส์ออกแบบและผลิตมาให้ความรู้สึกไม่เหมือนเป็นเลนส์ราคาประหยัดแต่อย่างใด ให้ความรู้สึกแน่นหนา และที่สำคัญเมาท์เลนส์เป็นโลหะที่มีซีลยางกันฝุ่นติดมาพร้อมเฉกเช่นเลนส์เกรดโปรของ Nikon ใช้ฟิลเตอร์ขนาด 67 มม เนื่องจากเลนส์ชนิ้นหน้าสุดมีขนาดค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับของยี่ห้ออื่น คุณลักษณะพิเศษของเลนส์ Nikon AF-S 70-300 mm. F 4.5-5.6 G ED VR จากมุมมอง ของพูดว่ามีอยู่ 3 ลักษณะเด่นคือ 1.) มีชิ้นเลนส์พิเศษชนิด ED (Extra low dispersion) ช่วยเรื่องของความคมชัด ลดการเลื่อมล้ำของสี และการถ่ายถอดสีสรรที่ดี 2.) การโฟกัสภายในพร้อมด้วยมอเตอร์ชนิดไซเลนซ์ เวฟ แบบวงแหวน (Internal focus system with Silent wave motor - ring type) ที่ช่วยให้การโฟกัสเป็นไปอย่างเงียบเชียบและรวดเร็วมาก 3.) ระบบป้อง การการสั่นไหว 2 ทาง ช่วยให้สามารถใช้มือถือกล้องถ่ายถาพได้นิ่งขึ้นโดยสามา รถช่วยให้ใช้ความเร็วของชัตเตอรต่ำกว่าช่วงโฟคอลได้ถึง 4 สต็อป ในกรณีที่ ถ่ายภาพที่ช่วง 450 มม ปกติจะต้องใช้ความเร็วชัตเตอรที่ 1/450 วินาที เป็นอย่างน้อยเพื่อภาพที่คมชัดไม่สั่นไหว แต่ระบบ VR ของเลนส์ตัวนี้ช่วยให้ใช้ ความไวชัดเตอร์ได้ต่ำเพียง 1/30 วินาที ในกรณีที่อยู่ในที่แสงน้อยโดยความคม ชัดของภาพยังดีอยู่ โดยปกติของเลนส์เทเลซูมช่วงยาวปัญหาที่พบมักเป็นเรื่องของความคมชัดที่ช่วง ปลายๆอย่าง 200 มม ถึง 300 มม อีกทั้งความเลื่อมล้ำของสีมักมีให้เห็นที่ ขอบของวัตถุ แต่เลนส์ตัวนี้กลับให้ความคมชัดสูงและการถ่ายถอดสีที่สดใสรวม ถึงคอนทราสท์ที่จัดตลอดช่วงซูม การเลื่อมล้ำของสีแทบไม่ปรากฎให้เห็นในขอบ วัตถุ มีเพียงเล็กน้อยที่ช่วงซูมปลาย 300 มม การบิดเบือนของภาพมีเพียงเล็ก น้อยมากอีกเช่นกันที่ทุกช่วงของการซูม การถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยๆ โดย ปกติเลนส์เกรดล่างที่มีค่า f อย่าง 4-5.6 มักถ่ายทอดสีสรรออกมาตุ่นๆ แต่สำหรับ เลนส์ตัวนี้แล้วกลับยังให้ สีสรรที่สดใส การโฟกัสภาพทำได้รวดเร็วมากจากการ ที่ใช้มอเตอร์ไซเลนท์เวฟแบบริงไทพ์ แม้จะเป็นการถ่ายวัตถุเคลื่อนที่ระบบโฟกัส ยังคงสามารถโฟกัสได้ทันและแม่นยำจนต้องชมเชย นี่เป็นอีก 1 ประการที่หา ได้ยากในเลนส์ช่วงราคาระดับนี้
ภาพตัวอย่าง โดยรวมทั้งจากการใช้งานจริงและจากบททดสอบต่างๆที่ได้อ่านมา ต้องขอออกความเห็นว่านี่ไม่ใช่เลนส์เกรดล่างอย่างที่ หลายคนคิดว่ามันเป็น แต่สามารถระบุได้เลยว่านี่คือเลนส์ที่สามารถใช้ทดแทนเลนส์เกรดโปรราคาหลายๆหมื่นบาทได้แบบ ในหลายๆกรณีอย่างแทบไม่ต้องสงสัย โดยที่ Nikon AF-S 70-300 mm. F 4.5-5.6 G ED VR ตัวนี้มี่ราคาค่าตัวอยู่เพียงประมาณ 17,900 บาทเท่านั้น

วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555

งานครั้งที่7



แนะนำนางเอกเอ็มวี^^














สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ต้นฉบับ.

ดิชั้น ชาลิสา........

ขอแนะนำตัวเองหน่อยน้าค๊าาาาาาาา
ชื่อ ชาลิสา นามสกุล สุริยเสนีย์ ชื่อเล่นว่า แคท คร้าาาาา
อายุ 20 ปี เรียนอยู่คณะนิเทศศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยรังสิต
รหัสนักศึกษา ID: 5309325

โพสต์นี้ขอแค่สั้นๆก่อนนะค้า เดี๋ยวโพสตน์ต่อไปจะเป็นโพสต์วิดีโอแนะนำตัวเลยแล้วกันคร้าาาา